รวมท่าต่างๆสำหรับสร้างกล้ามเนื้อ

บทความนี้สำหรับคนที่คิดจะฉีดฮอร์โมนแค่เพื่ออยากมีกล้าม คนทั่วๆไป หรือทอมที่อยากมีกล้ามเนื้อ นี่เป็นแผ่นสำหรับดูง่ายๆ ว่าท่าไหน ช่วยสร้างกล้ามเนื้อในส่วนไหนบ้างโดยไม่ต้องใช้ฮอร์โมน

นี่เป็นภาพของ Balian Buschbaum ในขณะที่สร้างกล้ามเนื้อทั้งหมดแบบ Physique โดยไม่ใช้ฮอร์โมนแม้แต่น้อย เอามาให้เห็นว่าใครๆก็ดูดีได้


การเล่นเวท ไม่ต้องกลัวหรือกังวลว่ามันจะใหญ่จนน่ากลัว เพราะกล้ามมันไม่ได้ปรี๊ดปร๊าดขนาดนั้น เราควบคุมได้ว่าจะให้มันใหญ่ขึ้น หรือว่าจะให้ขนาดคงที่

ในที่นี้เราจะเลือกส่วนที่คนส่วนใหญ่อยากเล่นมากที่สุดมาแนะนำวิธีการเล่นกันแบบรวบๆเร็วๆสั้นๆ สี่ส่วนที่เล่นแล้วดูเท่ขึ้น บุคลิคดี แข็งแรง ก็คือ แขน ไหล่ ท้อง และหน้าอก สี่ส่วนนี้ถ้าใครทำได้ครบก็ดูดีขึ้นมาไม่น้อยเลย

(1) แขน
ต้องบอกก่อนว่าแต่ละท่าควรทำ 3 เซต  และสิ่งที่สำคัญเลยคือน้ำหนักของดัมเบล เราต้องเลือกน้ำหนักที่เหมาะกับเรามากที่สุด ถ้าถามว่าเหมาะยังไง? เหมาะคือ น้ำหนักที่เราสามารถยกดัมเบลแล้วรู้สึกล้า ตึง ในครั้งที่ 12-15
ยกตัวอย่าง
น้ำหนัก 5kg - ยกได้สบายๆ 20 ครั้งยังไม่รู้สึกล้า / แบบนี้ไม่ผ่าน
น้ำหนัก 10kg - ยกครั้งแรกๆสบายๆ แต่พอยกไป 12 ครั้งแล้ว แทบจะยกไม่ขึ้นเลย / แบบนี้ถือว่าเหมาะ
น้ำหนัก 20kg - ยกครั้งแรกก็ทรมานแล้ว / แบบนี้ก็ไม่ผ่าน




  
(2) ไหล่
อันนี้มาคู่กับแขน ถ้าแขนมีกล้ามแต่ไหล่ยังแฟบอยู่คงจะดูไม่ดี การสร้างกล้ามเนื้อใหล่ช่วยให้ไหล่ดูกว้างขึ้น ใส่เสื้อได้ดูดีขึ้น ส่วนการเลือกน้ำหนักของดัมเบลก็เหมือนกับแขนเลย หลักการเล็กๆน้อยๆของการเล่นกล้ามคือ ทำช้าๆ ให้น้ำหนักมันโดน มันลงกล้ามเนื้อจริงๆ

การยืนก็สำคัญ ควรกางขาให้กว้างประมาณไหล่ ไม่กางกว้างเกินหรือแคบเกิน
 




























(3) ท้อง
แต่ละท่าให้ทำ 3 เซต แต่ละเซตอยู่ที่ 25-30 ครั้ง ให้มันรู้สึกตึงๆ
ส่วนนี้เอาที่รู้จักและอยากได้มากๆก็คือ Sixpack แต่ที่ควรให้ความสำคัญอีกอย่างนึงคือกล้ามเนื้อตรงด้านข้าง มันจะช่วยให้เอวดูหนาขึ้น ไม่คอด โค้งเว้า ดูอ้อนช้อย













แต่อย่าลืมว่าร่างกายของเรานั้นต้องการความสมดุล อยากให้กล้ามเนื้อใหญ่เร็วๆ ต้องจัดการบริหารส่วนต่างๆอย่างสมดุล

อาหารเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากๆเลยสำหรับคนเล่นกล้าม โปรตีนสำคัญก่อนใคร จะเห็นในทีวีแซวดารากันบ่อยๆเรื่องกินไข่ต้มของคนเล่นกล้าม

สามารถศึกษาเพิ่มเติมจากเว็บหรือวีดีโอแนะนำการเล่นกล้ามที่มีอยู่เยอะมาก 

สุดท้ายบทความนี้ผิดพลาดในส่วนใดต้องขออภัย และสามารถแนะนำเข้ามาเพื่อให้แก้ไขได้ด้วยความยินดี

ทอม กับ ฮอร์โมนเพศชาย

ในขั้นต้นต้องแนะนำให้รู้จักกับ"ฮอร์โมนเพศ"ซะก่อน

ฮอร์โมนเพศ แบ่งง่ายๆได้เป็น ฮอร์โมนเพศหญิง และ ฮอร์โมนเพศชาย
   ในผู้หญิงจะมีทั้งฮอร์โมนเพศหญิงและฮอร์โมนเพศชาย แต่จะมีฮอร์โมนเพศหญิงมากกว่า ทำให้ลักษณะทางกายภาพแสดงออกมาเป็นแบบผู้หญิง   เช่น มีหน้าอก สะโพกผาย ผิวเรียบเนียน 
   ในผู้ชายก็เช่นกัน มีทั้งฮอร์โมนเพศชายและเพศหญฺิง แต่จะมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่า ทำให้ลักษณะทางกายภาพแสดงออกมาเป็นผู้ชาย เช่น มีหนวดเครา ขนหน้าแข้งเยอะ มีกล้ามเนื้อเยอะ ผิวหยาบกร้าน หัวล้าน กระดูกแข็งแรง เสียงห้าว มีลูกกระเดือก

Emoji แล้วถ้าผู้หญิงรับฮอร์โมนเพศชายเข้าไปหละจะเป็นยังไง?
        ถ้าได้รับฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่มากพอ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย ลักษณะออกไปทางเพศชาย เช่น มีลูกกระเดือก เสียงแตก สิว! ผิวหยาบ มีขนหน้าแข้งมากขึ้น หนวดเครา ถ้าอายุมากขึ้นก็จะเริ่มหัวล้าน จะมากจะน้อยก็ต้องไปดูที่กรรมพันธุ์
        ลองไปดูการเปลี่ยนแปลงภายนอกได้ที่บล็อก http://thaiftm.blogspot.com/2013/12/before-after-ftm-transition.html ลิงก์นี้ค่อนข้างจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี อย่าลืมว่ายังมีเรื่องแย่ๆอีกมาก


Emoji ข้อควรรู้
  • การฉีดฮอร์โมนจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเช็กจากแพทย์อยู่บ่อยๆ
  • ถึงแม้ว่าหมอจะเป็นผู้ดูแลในการให้ฮอร์โมนเพศชายอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อรับฮอร์โมนไปจนถึงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องตัดรังไข่และมดลูกทิ้ง เพราะเสี่ยงจะเป็นมะเร็ง(ถ้าไม่ได้อยู่ในการดูแลของหมอ อาจจะได้มะเร็งมาอยู่ในครอบครอง)
  • ฉีดแล้วต้องฉีดต่อไปตลอดชีวิตเพื่อคงสภาพ
  • หนวดและสิวกำลังจะมา แต่มากหรือน้อยอยู่ที่กรรมพันธุ์


Emoji พบหมอก่อนฉีดฮอร์โมน
        การที่จะฉีดฮอร์โมนต้องเข้าพบจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบจิตใจของเรา ว่าพร้อมหรือเปล่ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ ถามตัวเองว่าเราต้องการอะไร เราเป็นอะไร มีความกังวลกับสังคมรอบข้างแค่ไหนยังไง เป็นทอมหรือเป็น FTM (ในบล็อกนี้จะไม่ขอพูดถึงความแตกต่างระหว่างทอม กับ FTM อย่างละเอียด)
        แม้แต่คนที่ผ่านด่านจิตแพทย์ไปแล้วก็ยังมีคนที่อยากกลับไปเป็นผู้หญิงเหมือนเดิมอยู่หลายราย แต่ย้อนกลับมาก็ไม่ 100% แบบเก่า ฉะนั้นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน


ทอม > ไม่จำเป็นต้องรับฮอร์โมน
FTM > จำเป็นต้องรับฮอร์โมน เพื่อเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศ

จากหัวข้อของบล็อก "ทอม กับ ฮอร์โมนเพศชาย " สรุปแล้วทอมไม่จำเป็นและไม่ควรใช้ฮอร์โมนเพศชายเพื่อความเท่ ความมั่นใจชั่วคราว ด้วยเหตุผลจากผลเสียอันมากมายที่เขียนไว้แล้วด้านบน



เขียนโดย ThaiFTM

19 ประเทศที่คนเพศเดียวกัน แต่งงานกันได้ และประเทศในเอเชียที่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้


ประเทศที่คนเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย มี 19 ประเทศ ได้แก่
Argentina - อาร์เจนตินา
Belgium - เบลเยียม
Brazil - บราซิล
Canada  - แคนนาดา 
Denmark - เดนมาร์ก
England  - อังกฤษ
France - ฝรั่งเศษ
Iceland - ไอซ์แลนด์
Mexico - แมกซิโก
Netherlands - เนเธอร์แลนด์
New Zealand - นิวซีแลนด์
Norway  - นอร์เวย์
South Africa - แอฟริกาใต้
Portugal - โปรตุเกส
Spain - สเปน
Sweden  - สวีเดน
United State - สหรัฐอเมริกา
Uruguay - อุรุกวัย
Wales - เวลส์

ส่วนประเทศไทยก็กำลังดันกฎหมายคู่ชีวิต ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่คู่รักเพศเดียวกันจะได้จดทะเบียนกันอย่างถูกกฎหมาย แต่ก็ต้องดูกันอีกทีเพราะเพื่อนบ้านของเราอย่างเวียดนามก็มีการดันเรื่องนี้เหมือนกัน สุดท้ายแล้วจะได้เป็นผู้นำของเอเชียหรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป

แต่ยังไงก็ตามยังมีอีกหลายสิบประเทศ ที่มีกฏหมายการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ
ส่งผลให้เพศที่ 3(ที่แปลงเพศ) มีสิทธิแต่งงานจดทะเบียนแบบถูกกฎหมายอย่างชายหญิงไปโดยปริยาย

ประเทศในเอเชียตะวันออกและ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการรองรับการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้แก่ จีน(+ฮ่องกง+มาเก๊า)
ไต้หวัน
ญี่ปุ่น
เกาหลีใต้
สิงคโปร์
อินโดนีเซีย

เรื่องนี้สำหรับประเทศไทย หลายคนยังกังวลอยู่มาก ด้วยอาจเพราะ กระเทยไทยสวยไม่แพ้ชาติใดในโลก หนุ่มๆก็เลยกังวลว่าถ้าหากเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อด้วย คงดูไม่ออกกันเลยทีเดียว เพราะบางคนผู้หญิงแท้ๆเห็นยังยอมแพ้555

ส่วนอีกหนึ่งประเทศผู้นำแห่งเอเชียตะวันตกเฉียงใต้อย่างมาเลเซีย  รักร่วมเพศยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย โดยมีโทษคือ ติดคุก 2-20 ปี หรือลงโทษโดยการเฆี่ยนตี



เขียนโดย : ThaiFTM
อ้างอิงข้อมูล : http://en.wikipedia.org/wiki/LGBT_rights_by_country_or_territory





รวมภาพก่อนหลังการเปลี่ยนแปลงของเหล่า FTM จาก youtube

ด้านล่างนี้จะเป็นภาพของ FTM ทั้งชาวเอเชียและยุโรปนะครับ จะเน้นมาที่ฝั่งเอเชียแต่ก็มียุโรปอยู่บ้าง(ไม่รู้ยุโรปจริงรึเปล่า แต่หน้าตาไปทางนู้นก็เหมาๆเอาครับ555)  ภาพซ้ายคือก่อนใช้ฮอร์โมนและขวาคือหลังจากใช้ฮอร์โมนนะครับ(ใช้โดยปรึกษาแพทย์กันทุกคน ไม่มีใครฉีดซี้ซั้วนะเออ เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา ตับไตเจ๊งก็ต้องรับกรรมไปตลอดชีวิตนะเออ) ภาพที่เอามาส่วนใหญ่ใช้ฮอร์โมนมาเป็นปี มีบางคนที่พึ่งฉีดแค่แปปเดียวก็จะมีบรรยายเพิ่มไว้ใต้ภาพ เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดครับ

ทุกภาพสามารถคลิกที่ชื่อใต้รูปภาพเพื่อลิงก์ไปยังหน้า youtube ของแต่ละคนได้เลย

หมายเหตุ : บทความนี้ ขออภัยสำหรับคนที่ดูผ่านมือถือนะครับ ภาพอาจเห็นไม่ครบ(เห็นแค่ครึ่งเดียว)

แนะนำให้ดูผ่านอุปกรณ์ที่หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยครับ  
JesseW213

CrisPAY89

Chisus

ehayul


iamTaylor3


LifeisTakingOver
คนนี้เปลี่ยนไปเยอะครับ ไม่ใช่เพราะฮอร์โมนทั้งหมด แต่เป็นเพราะออกกำลังกายและเปลี่ยนทรงผม (เสียงยังเป็นผู้หญิงอยู่เลยเพราะพึ่งรับฮอร์โมนแค่ประมาณ 4 เดือน) 

sohn1355

RetiredPunchbag
คนนี้พึ่งรับฮอร์โมนไปเดือนนิดๆ แต่ที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เพราะฮอร์โมนซักนี๊ดด เพราะตัดผมล้วนๆ =]



เห็นภาพไปแล้ว หลายคนตัวใหญ่ขึ้นทั้งเพราะไปฟิตกล้ามมาแล้วก็อ้วน... บางคนก็สิวขึ้นพรึ่บ แล้วหลายคนถ้าสังเกตดีดีหน้าผากย่นครับเหมือนผู้ชายทั่วไป ซึ่งตอนก่อนรับฮอร์โมนจะไม่มีให้เห็น ส่วนคนที่ดูดีที่สุดขอยกให้LifeisTakingOver  คนที่ออกกำลังกายหนักเป็นพิเศษ

จะมาเพิ่มต่อเรื่อยๆนะครับ 

รู้จักกับ ทรานส์แมน ระดับหัวกะทิอย่าง Ben Barres


Ben Barres, M.D., Ph.D.

เบ็นเป็นนักชีววิทยาชาวอเมริกัน สอนอยู่ที่มหาลัยอันดับต้นของโลกอย่าง มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
แถมยังเป็นหัวหน้าแผนกชีววิทยาของโรงเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยอีกด้วย นายเบ็นเขาสนใจในเรื่องของประสาทเป็นพิเศษ

จบปริญญาตรีในสาขาชีววิทยาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT สุดยอดมหาลัยโลก และจบแพทย์จากดาร์ตมัธ แล้วก็ต่อด้วยปริญญาเอกด้านชีววิทยาที่ ฮาร์วาร์ด 
ทุกมหาลัยที่เบ็นเรียน เป็นมหาวิทยาลัยในเครือไอวีลีก ที่มีสมาชิกทั้งหมด 8 มหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละมหาลัยก็เป็นอันดับต้นของอเมริกาแล้วก็ของโลกด้วย 




มีคำพูดจากเขาว่า "People who don't know I am transgendered treat me with much more respect, I can even complete a sentence without being interrupted by a man"

เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับในนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้หญิงในตอนนั้น(มั้งนะ555)
ลองไปอ่านได้ที่ http://www.nytimes.com/2006/07/18/science/18conv.html?pagewanted=all&_r=0

คำพูดจาก FTM ชาวไทย ดีกรีนักเรียนแพทย์เมกา




อันดับแรก อยากอธิบายคำว่า FTM เพราะว่าคนไทยจะชอบบอกว่า FTM คือ ทอม โดยทั่วไป...ใช่ อาจจะเป็นทอม แต่ถ้าคำที่ถูกต้องเป็น FTM อารมณ์ที่หญิงแปลงเป็นชาย อย่างที่เค้าอาจจะเรียกกระเทยหรืออะไรอย่างนี้ แต่คำพูดที่ถูกต้องก็คือ FTM ( female to male )

ถามว่าฉีดฮอร์โมนมานานหรือยัง ฉีดมา 3 ปีครึ่ง เริ่มฉีดที่อเมริกา 
มีหลายคนถามมาว่า ต้องทำยังไงถึงจะฉีดฮอร์โมนได้ ต้องพบแพทย์ที่ไหน อันนี้แต่ละที่จะมีกฏระเบียบทางการแพทย์ไม่เหมือนกัน อย่างที่รัฐนิวยอร์ก ต้องพบจิตแพทย์ก่อนประมาณ 6 เดือน แล้วก็ผ่านขั้นตอนในการตรวจร่างกาย เพื่อเช็กให้มั่นใจว่าร่างกายเราจะตอบรับฮอร์โมนได้ดี ซึ่งไม่มั่นใจว่าที่ไทยต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้างก่อนที่จะฉีดฮอร์โมนได้ ซึ่งต้องคุยกับแพทย์ รู้สึกว่าที่ยันฮีน่าจะมีฮอร์โมน และก็โรงพยาบาลใหญ่ๆที่อื่น แต่หวังว่าคนที่เข้ามาถามเรื่องฉีดฮอร์โมน ไม่ได้อยากฉีดเพราะแค่เป็นค่านิยม หรือคิดว่าตัวเองเป็นทอมแล้วอยากฉีดเพื่อดูเท่ คือหวังว่าทุกคนอยากจะฉีดฮอร์โมนเป็นเพราะจิตใจตัวเองพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต แล้วก็มีผลกระทบต่อทุกองค์ประกอบในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน เรื่องสังคม

อยากให้ทุกคนคิดรอบคอบก่อนทำ เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงมันย้อนกลับไม่ได้ 
อยากให้ทุกคนคิดดีดี ถ้ามั่นใจแล้วเดินหน้าต่อไป แต่ถ้ายังไม่มันใจไม่ต้องรีบครับ เพราะว่าคนเราสามารถคิดให้รอบคอบได้ ควรปรึกษาครอบครัว คนแรกที่ควรปรึกษาคือพ่อกับแม่ แล้วก็ถ้าพ่อแม่สนับสนุนก็ยิ่งดี โชคดีที่พ่อแม่เค้าอยู่ข้างผมตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ อยากให้น้องๆทุกคนคิดให้รอบคอบครับ

การฉีดฮอร์โมนหุ่นจะเป็นแบบผู้ชายปุ้ปปั้ปไหม?  ไม่ครับ อย่างที่ผู้ชายที่เกิดมาเป็นผู้ชายต้องทำคือ ออกกำลังกาย แล้วก็ออกกำลังกายหนักพอสมควร กินเหมือนนักกีฬา กินให้ถูกเวลา ดูแลร่างกายให้ดี ไม่กินเหล้า ดูดบุหรี่หนัก 

เรื่องการผ่าตัดหน้าอก ผมไม่ได้ผ่าตัดหน้าอกมานะครับ ตั้งแต่ฉีดมา 3 ปีไม่ทำอะไรกับหน้าอกเลย เพียงแต่เล่นกีฬา ยกน้ำหนัก เน้นช่วงหน้าอก หน้าอกมันก็เริ่มยุบไปเองอะครับ เพราะก่อนที่จะเริ่มฉีดฮอร์โมน หน้าอกแทบจะไม่มีอยู่แล้ว พอได้ฉีดฮอร์โมร ไขมันก็เริ่มสลายไปตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

ผมไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทย ขั้นตอนในการฉีดฮอร์โมนเป็นยังไง ขอย้ำอีกทีว่าต้องลองไปสอบถามเอง แต่ผมรู้ว่าที่ยันฮีก็มีฮอร์โมน แต่ต้องไปพบแพทย์นะครับ 

ขั้นตอนการผ่าตัดที่เมืองไทย ผ่าตัดหน้าอก ผมรู้ว่าต้องมีใบรับรองจากจิตแพทย์ 2 ท่าน ต้องฉีดฮอร์โมนอย่างต่ำ 1 ปีก่อนที่จะผ่าได้

การใช้ชีวิตในสังคมเป็นยังไง? ก็ใช้ชีวิตเมือนผู้ชายปกติ ชีวิตการงาน ความรัก ก็เหมือนผู้ชายปกติ
ในช่วงที่ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลง ความคิดอะไร ต่างๆนาๆ มุมมองของเราก็จะเปลี่ยนไปตามความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเรา

คนที่ฉีดฮอร์โมน ตอนแรกๆอาจจะมีผลข้างเคียง เช่น สิวจะเยอะนิดนึง หรือบางคนสิวจะเยอะมาก อย่างผมตอนฉีดแรกๆสิวเยอะมาก จากคนที่หน้าใสกริ้ก กลายเป็นคนที่สิวขึ้นหน้าเยอะมาก แล้วขณะที่ผฉีดมาสักพักนึงแล้ว ผมเลยลดปริมาณโดสฮอร์โมนมาได้ในระดับนึง เพื่อที่จะให้สิวลดลง ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ประจำของเราที่เขาคอยดูแล

ช่วงแรกที่ฉีด ผมจะตรวจเลือดทุก 3 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นในร่างกาย หรือร่างกายมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อฮอร์โมน พอฉีดได้ประมาณ 1 ปี ก็เช็กเลือดทุก 6 เดือน พอฉีดไปอีกปี ก็เช็กเลือดทุก 1 ปี มันก็จะไปตามระยะเวลา แล้วร่างกายก็จะค่อยๆปรับไปเรื่อยๆเหือนเวลาที่เด็กผู้ชายกำลังแตกหนุ่มอะไรอย่างงี้ครับ

อยากขอเน้นอีกทีนึงครับว่า ไม่อยากให้น้องๆหลายๆคนว่าฉีดที่ไหนนู่นนี่นั่น ไม่อยากให้ใครทำเพราะค่านิยม และอย่างนึงที่สำคัญมากคือว่า อย่าคิดว่าการที่คุณ สมมุติคุณชอบผู้หญิงคนนึงอยู่ แล้วผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบคุณเพราะคุณไม่แมนพอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าจะฉีดฮอร์โมนแต่เราต้องทำเพราะตัวเราเอง ทำเพราะจิตใจของเราอยากทำเราอยากเป็น ไม่ใช้ทำเพราะอยากให้ใครมาชอบเรามากขึ้น ผู้หญิงมาชอบเรามากขึ้น 

ผมอายุ 21 ย่าง 22 ฉีดมาตั้งแต่ 18 ปี พ่อแม่ทุกคนในครอบครัวยอมรับและภูิใจในสิ่งที่ผมเป็น
ผมก็กำลังเรียนหมอ ในอนาคตเป็นหมอที่ช่วยน้องๆและอีกหลายๆคนต่อไป




สามารถติดตามรับข้อมูลได้ที่
youtube ที่ BKKCosmopolitan
instagram ที่ jessy_dbg